พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ อดีตสมภารวัดป่าชิคาโก แสดงธรรมไว้หลายธรรมมาสน์ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย
> ( สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี) ฟังแล้วติดใจ เอามาพิมพ์เป็นหนังสื่อ ชื่อ หักหอกเป็นดอกไม้
>
> เรื่องหนึ่งที่ท่านเทศน์ เป็นเรื่องของหลวงพ่อวัดหนึ่ง ซึ่งขึ้นชื่อลือชากันว่า ท่านเป็นพระที่มีแต่ความสุข ไม่เคยมีความทุกข์
>
> วัน หนึ่ง โยมมานิมนต์ท่านไปเทศน์ที่บ้าน บอกท่านว่าจะมารับแต่เช้า หลวงพ่อก็นั่งรอจนสายโยมก็ไม่มาสักที
> หลวงพ่อก็ว่า "ไม่มา ก็ดีเหมือนกันเนาะ เราฉันข้าวของเราดีกว่า"
> ฉันข้าวได้ไม่กี่คำ โยมก็มารับพอดี กราบกรานขอโทษที่มาช้า เหตุเพราะว่ารถเสีย
> หลวงพ่อวางช้อน "อือ ก็ดีเนาะ ไปฉันที่งานเนาะ"
>
> นั่ง รถไปได้สักพัก เครื่องรถก็ดับอีก คนขับบอก "รถเสียครับ"
> หลวงพ่อก็ว่า "ดีเนาะ ได้หยุดพักชมวิวเนาะ"
> คนขับซ่อมเครื่องรถได้พัก ก็ออกปากขอให้หลวงพ่อช่วยเข็นรถ
> ความจริงหลวงพ่อก็แก่ ข้าวก็ฉันได้ไม่กี่คำ แ ต่ทานก็ยิ้ม บอกว่า
> "โอ้ดีเนาะ ได้ออกกำลังเนาะ"
> แล้วก็ขมีขมันออกแรงช่วยเข็นรถจนวิ่งได้
>
> ไปถึงบ้านงาน เวลาเลยเที่ยง หมดเวลาฉันอาหารไปแล้ว เป็นอันว่า
> วันนั้นหลวงพ่ออดข้าว เจ้าภาพก็ร้อนใจ
> อะไรๆก็เลยเวลามานาน นิมนต์ท่านขึ้นเทศน์ทันที
> "ดีเนาะ มาถึงก็ได้ทำงานเลยเนาะ"
>
> หลวง พ่อว่าแล้วก็ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์จนจบ มีคนชงกาแฟถวาย
> แต่เผลอตักเกลือใส่แทนน้ำตาลหลวงพ่อจิบกาแฟไปหนึ่งคำ แล้วก็บอกโยมว่า
> "โอ้ดีเนาะ ดีๆ" แล้วก็วาง ธรรมเนียมของหลวงพ่อขลังๆ เวลาท่านฉันอะไร
> ลูกศิษย์ก็ อยากได้บ้าง ว่ากันว่าเป็นสิริมงคลดีนักเรียงหน้ารอกันเป็นแถว
> ลูกศิษย์คนแรก ดื่มกาแฟก็พ่นพรวดออกมา "เค็มปี๋เลยหลวงพ่อ
> ฉันเข้าไปได้ยังไง!"
> "ก็ดีเนาะ ฉันกาแฟหวานๆมานาน" หลวงพ่อว่า
> " ฉันเค็มๆมั่งก็ดีเหมือนกัน"
>
> ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ลมแรง น้ำท่วม หรือคนด่า
> หลวงพ่อท่านมองไปในแง่ดีได้หมด
> มีลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งไปทำผิด ถูกจับไปติดคุก ท่านก็ว่า "ก็ดีเนาะ
> มันจะได้ศึกษาชีวิต"
> ท่าน อาจารย์ประสงค์บอกว่า หลวงพ่อองค์นี้ ชื่ออะไร อยู่วัดไหน
> ตัวท่านเคยจดไว้ แ ต่ทำสมุดที่จดหายจำได้เพียงแต่ว่า
> คนอีสานเขาสรรเสริญท่านมาก
>
> แม้ท่านจะชื่อจริงอะไร ก็คงไม่มีใครจำ เพราะต่างก็เรียกท่านว่า
> "หลวงพ่อดีเนาะ" กันหมดแล้ว
> เรื่อง ของหลวงพ่อดีเนาะ เป็นหนึ่งตัวอย่างในเรื่อง
> "หักหอกเป็นดอกไม้" ทุกข์สุข ดีเลวล้วนแล้วแต่อยู่ที่วิธีคิด
> ถ้าคิดเป็นบวก เรื่องก็ออกมาเป็นบวก...
> หลวง พ่อดีเนาะ” แห่งวัดมัชฌิมาวาส อุดรธานี ซึ่งมองโลกในแง่ดี
> ไม่เคยจับผิดใคร ไม่เคยว่าใคร … เจอปัญหาอะไรๆ ก็พูดว่า “ดีเนาะ” …
> จนกระทั่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
> ให้เป็น “พระเทพวิสุทธาจารย์ สาธุอุทานธรรมวาที” ซึ่งแปลว่า ดีเนาะ
>
> หลวงพ่อ ดีเนาะเป็นเกจิอาจารย์มีชื่อของจังหวัดอุดรธานี ที่ใคร ๆ
> ก็รู้จัก ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและผู้เคารพนับถือทั่วประเทศ
> มีเรื่องเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมีและการประพฤติปฏิบัติตนของหลวงพ่อดีเล่าขานกันมากมายหลายเรื่องเช่นมีผู้ เล่าว่า เนื่องจากหลวงพ่อดีมีผู้เคารพนับถือมาก จึงมีผู้มาถวายจต ุปัจจัย
> ข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าแก่ท่านมากมาย
> ในกุฏิของหลวงพ่อดีจึงมีข้าวของเงินทองที่เตะตาล่อโจรให้อยากลองของมากมาย แต่ดูเหมือนว่าหลวงพ่อท่าน
> ไม่ค่อยจะสนใจวัตถุรอบกายของท่านแต่อย่างใดอยู่มา วันหนึ่ง
> หลวงพ่อดีก็ถูกขุนโจรใจโหดปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์มากมาย ถือปืนบุกเข้าประชิดตัวหลวงพ่อ
> บนกุฏิพร้อมทั้งประกาศก้อง
> “นี่คือการปล้น อย่าได้ขัดขืนนะหลวงพ่อ”
> หลวงพ่อดียิ้มกับโจรด้วยอารมณ์ดีและไม่มีอาการสะทกสะท้าน ท่านกล่าวกับโจรอย่างนิ่มนวลว่า
> “ปล้นก็ดีเนาะ” โจรชักแปลกใจในคำพูดและท่าทีของหลวงพ่อ โจรพูดว่า
> “ถูกปล้นทำไมว่าดีละหลวงพ่อ” หลวงพ่อดีตอบว่า
> “ทำไม่จะไม่ดีละ ก็ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเฝ้าไอ้สมบัติบ้า ๆ
> นี้ตั้งนานแล้ว เอ็งเอาไปเสียให้หมดข้าจะได้ไม่ต้องเฝ้ามันอีก”
> โจรขู่อีก
> “ไม่ใช่ปล้นอย่างเดียวฉันต้องฆ่าหลวงพ่อด้วย เพื่อปิดปากเจ้าทรัพย์”
> หลวงพ่อดีก็ตอบเหมือนเดิม
> “ฆ่าก็ดีเนาะ” โจรแปลกใจจึงถามว่า
> “ถูกฆ่ามันจะดีได้อย่างไรละหลวงพ่อ ” หลวงพ่อดีตอบ
> “ข้ามันแก่แล้ว ตายเสียได้ก็ดี จะได้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร”
> โจรรู้สึกอ่อนใจเลยบอกว่า
> “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ฆ่าหรอก” หลวงพ่อดีก็พูดเหมือนเคย
> “ไม่ฆ่าก็ดีเนาะ” โจรถามอีก
> “ทำไมฆ่าก็ดี ไม่ฆ่าก็ดีอีก” หลวงพ่อดีบอกว่า
> “การ ฆ่ามันเป็นบาป เอ็งจะต้องชดใช้เวรทั้งชาตินี้และชาติหน้า
> อย่างน้อยตำรวจเขาจะต้องตามจับเอ็งเข้าคุก เข้าตะราง หรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย
> ตายแล้วก็ยังตกนรกอีก”
> โจรเลยเปลี่ยนใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ปล้นหลวงพ่อแล้ว”
> หลวงพ่อดีก็ตอบอีกว่า “ไม่ปล้นก็ดีเนาะ”
> มี ผู้เล่าต่อมาว่า ในที่สุดโจรคนนั้นก็สำนึกบาปเข ้ามอบตัวกับตำรวจ
> เมื่อพ้นโทษออกมาก็ขอให้หลวงพ่อดีบวชให้และบำเพ็ญศีลภาวนาตลอดมา
> ส่วนหลวงพ่อดีมีคนให้ฉายาท่านว่า “หลวงพ่อดีเนาะ ” มาจนทุกวันนี้
> ท่านมีตัวตนอยู่จริงครับ
> พระเทพวิสุทธาจารย์ (หลวงปู่ดีเนาะ)
> วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี
> ( สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี) ฟังแล้วติดใจ เอามาพิมพ์เป็นหนังสื่อ ชื่อ หักหอกเป็นดอกไม้
>
> เรื่องหนึ่งที่ท่านเทศน์ เป็นเรื่องของหลวงพ่อวัดหนึ่ง ซึ่งขึ้นชื่อลือชากันว่า ท่านเป็นพระที่มีแต่ความสุข ไม่เคยมีความทุกข์
>
> วัน หนึ่ง โยมมานิมนต์ท่านไปเทศน์ที่บ้าน บอกท่านว่าจะมารับแต่เช้า หลวงพ่อก็นั่งรอจนสายโยมก็ไม่มาสักที
> หลวงพ่อก็ว่า "ไม่มา ก็ดีเหมือนกันเนาะ เราฉันข้าวของเราดีกว่า"
> ฉันข้าวได้ไม่กี่คำ โยมก็มารับพอดี กราบกรานขอโทษที่มาช้า เหตุเพราะว่ารถเสีย
> หลวงพ่อวางช้อน "อือ ก็ดีเนาะ ไปฉันที่งานเนาะ"
>
> นั่ง รถไปได้สักพัก เครื่องรถก็ดับอีก คนขับบอก "รถเสียครับ"
> หลวงพ่อก็ว่า "ดีเนาะ ได้หยุดพักชมวิวเนาะ"
> คนขับซ่อมเครื่องรถได้พัก ก็ออกปากขอให้หลวงพ่อช่วยเข็นรถ
> ความจริงหลวงพ่อก็แก่ ข้าวก็ฉันได้ไม่กี่คำ แ ต่ทานก็ยิ้ม บอกว่า
> "โอ้ดีเนาะ ได้ออกกำลังเนาะ"
> แล้วก็ขมีขมันออกแรงช่วยเข็นรถจนวิ่งได้
>
> ไปถึงบ้านงาน เวลาเลยเที่ยง หมดเวลาฉันอาหารไปแล้ว เป็นอันว่า
> วันนั้นหลวงพ่ออดข้าว เจ้าภาพก็ร้อนใจ
> อะไรๆก็เลยเวลามานาน นิมนต์ท่านขึ้นเทศน์ทันที
> "ดีเนาะ มาถึงก็ได้ทำงานเลยเนาะ"
>
> หลวง พ่อว่าแล้วก็ขึ้นธรรมมาสน์เทศน์จนจบ มีคนชงกาแฟถวาย
> แต่เผลอตักเกลือใส่แทนน้ำตาลหลวงพ่อจิบกาแฟไปหนึ่งคำ แล้วก็บอกโยมว่า
> "โอ้ดีเนาะ ดีๆ" แล้วก็วาง ธรรมเนียมของหลวงพ่อขลังๆ เวลาท่านฉันอะไร
> ลูกศิษย์ก็ อยากได้บ้าง ว่ากันว่าเป็นสิริมงคลดีนักเรียงหน้ารอกันเป็นแถว
> ลูกศิษย์คนแรก ดื่มกาแฟก็พ่นพรวดออกมา "เค็มปี๋เลยหลวงพ่อ
> ฉันเข้าไปได้ยังไง!"
> "ก็ดีเนาะ ฉันกาแฟหวานๆมานาน" หลวงพ่อว่า
> " ฉันเค็มๆมั่งก็ดีเหมือนกัน"
>
> ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ลมแรง น้ำท่วม หรือคนด่า
> หลวงพ่อท่านมองไปในแง่ดีได้หมด
> มีลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งไปทำผิด ถูกจับไปติดคุก ท่านก็ว่า "ก็ดีเนาะ
> มันจะได้ศึกษาชีวิต"
> ท่าน อาจารย์ประสงค์บอกว่า หลวงพ่อองค์นี้ ชื่ออะไร อยู่วัดไหน
> ตัวท่านเคยจดไว้ แ ต่ทำสมุดที่จดหายจำได้เพียงแต่ว่า
> คนอีสานเขาสรรเสริญท่านมาก
>
> แม้ท่านจะชื่อจริงอะไร ก็คงไม่มีใครจำ เพราะต่างก็เรียกท่านว่า
> "หลวงพ่อดีเนาะ" กันหมดแล้ว
> เรื่อง ของหลวงพ่อดีเนาะ เป็นหนึ่งตัวอย่างในเรื่อง
> "หักหอกเป็นดอกไม้" ทุกข์สุข ดีเลวล้วนแล้วแต่อยู่ที่วิธีคิด
> ถ้าคิดเป็นบวก เรื่องก็ออกมาเป็นบวก...
> หลวง พ่อดีเนาะ” แห่งวัดมัชฌิมาวาส อุดรธานี ซึ่งมองโลกในแง่ดี
> ไม่เคยจับผิดใคร ไม่เคยว่าใคร … เจอปัญหาอะไรๆ ก็พูดว่า “ดีเนาะ” …
> จนกระทั่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
> ให้เป็น “พระเทพวิสุทธาจารย์ สาธุอุทานธรรมวาที” ซึ่งแปลว่า ดีเนาะ
>
> หลวงพ่อ ดีเนาะเป็นเกจิอาจารย์มีชื่อของจังหวัดอุดรธานี ที่ใคร ๆ
> ก็รู้จัก ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาและผู้เคารพนับถือทั่วประเทศ
> มีเรื่องเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมีและการประพฤติปฏิบัติตนของหลวงพ่อดีเล่าขานกันมากมายหลายเรื่องเช่นมีผู้ เล่าว่า เนื่องจากหลวงพ่อดีมีผู้เคารพนับถือมาก จึงมีผู้มาถวายจต ุปัจจัย
> ข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าแก่ท่านมากมาย
> ในกุฏิของหลวงพ่อดีจึงมีข้าวของเงินทองที่เตะตาล่อโจรให้อยากลองของมากมาย แต่ดูเหมือนว่าหลวงพ่อท่าน
> ไม่ค่อยจะสนใจวัตถุรอบกายของท่านแต่อย่างใดอยู่มา วันหนึ่ง
> หลวงพ่อดีก็ถูกขุนโจรใจโหดปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์มากมาย ถือปืนบุกเข้าประชิดตัวหลวงพ่อ
> บนกุฏิพร้อมทั้งประกาศก้อง
> “นี่คือการปล้น อย่าได้ขัดขืนนะหลวงพ่อ”
> หลวงพ่อดียิ้มกับโจรด้วยอารมณ์ดีและไม่มีอาการสะทกสะท้าน ท่านกล่าวกับโจรอย่างนิ่มนวลว่า
> “ปล้นก็ดีเนาะ” โจรชักแปลกใจในคำพูดและท่าทีของหลวงพ่อ โจรพูดว่า
> “ถูกปล้นทำไมว่าดีละหลวงพ่อ” หลวงพ่อดีตอบว่า
> “ทำไม่จะไม่ดีละ ก็ข้าต้องทนทุกข์ทรมานเฝ้าไอ้สมบัติบ้า ๆ
> นี้ตั้งนานแล้ว เอ็งเอาไปเสียให้หมดข้าจะได้ไม่ต้องเฝ้ามันอีก”
> โจรขู่อีก
> “ไม่ใช่ปล้นอย่างเดียวฉันต้องฆ่าหลวงพ่อด้วย เพื่อปิดปากเจ้าทรัพย์”
> หลวงพ่อดีก็ตอบเหมือนเดิม
> “ฆ่าก็ดีเนาะ” โจรแปลกใจจึงถามว่า
> “ถูกฆ่ามันจะดีได้อย่างไรละหลวงพ่อ ” หลวงพ่อดีตอบ
> “ข้ามันแก่แล้ว ตายเสียได้ก็ดี จะได้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร”
> โจรรู้สึกอ่อนใจเลยบอกว่า
> “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ฆ่าหรอก” หลวงพ่อดีก็พูดเหมือนเคย
> “ไม่ฆ่าก็ดีเนาะ” โจรถามอีก
> “ทำไมฆ่าก็ดี ไม่ฆ่าก็ดีอีก” หลวงพ่อดีบอกว่า
> “การ ฆ่ามันเป็นบาป เอ็งจะต้องชดใช้เวรทั้งชาตินี้และชาติหน้า
> อย่างน้อยตำรวจเขาจะต้องตามจับเอ็งเข้าคุก เข้าตะราง หรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย
> ตายแล้วก็ยังตกนรกอีก”
> โจรเลยเปลี่ยนใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ปล้นหลวงพ่อแล้ว”
> หลวงพ่อดีก็ตอบอีกว่า “ไม่ปล้นก็ดีเนาะ”
> มี ผู้เล่าต่อมาว่า ในที่สุดโจรคนนั้นก็สำนึกบาปเข ้ามอบตัวกับตำรวจ
> เมื่อพ้นโทษออกมาก็ขอให้หลวงพ่อดีบวชให้และบำเพ็ญศีลภาวนาตลอดมา
> ส่วนหลวงพ่อดีมีคนให้ฉายาท่านว่า “หลวงพ่อดีเนาะ ” มาจนทุกวันนี้
> ท่านมีตัวตนอยู่จริงครับ
> พระเทพวิสุทธาจารย์ (หลวงปู่ดีเนาะ)
> วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น